สำหรับเจ้าของบ้านนั้นการสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่จะทำการสร้างได้บ่อย ๆ ดังนั้นการเลือกบริษัท รับสร้างบ้าน จะต้องเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาในภายหลัง
วันนี้ได้นำสาระน่ารู้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนจ้างบริษัทจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
7 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกบริษัท รับสร้างบ้าน
1. ทำความรู้จักกับบริษัท รับสร้างบ้าน ให้ดีเสียก่อน
สำหรับเจ้าของบ้านแล้ว ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทควรหาข้อมูลบริษัทต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด โดยเลือกดูข้อมูลจากหลาย ๆ บริษัท แล้วคัดเลือกไว้อย่างน้อย 3 บริษัท เพื่อทำการเปรียบเทียบรายละเอียดส่วนต่าง ๆ
รวมไปถึงการติดตามข่าวสาร และหาข้อมูลบริษัทรับสร้างบ้านที่น่าสนใจ มีความชำนาญ จากนั้นจึงควรไปดูบ้านตัวอย่างที่มีลักษณะ และราคาใกล้เคียงกับความต้องการ หากบริษัทไหนทำได้ดี และไม่มีปัญหาในการทำงาน ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้ดีก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน
2. ตรวจดูประวัติและผลงาน
จุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อจากการทำความรู้จักกับบริษัทรับสร้างบ้านต่าง ๆ นั้น คือ การค้นหา และคัดเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐาน และดูน่าไว้วางใจ ด้วยการตรวจประวัติ และดูผลงานการก่อสร้างที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะลองค้นหาชื่อบริษัทจากในเว็บไซต์ หรือสอบถามประสบการณ์จากเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงที่เคยใช้บริการ คุณก็จะได้ทราบข้อมูลคร่าว ๆ ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยรายละเอียดกับผู้รับเหมาที่น่าสนใจ และรู้สึกว่าเหมาะสมกับบ้านที่คุณต้องการ
3. งานก่อสร้างบ้านมีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับ
บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ จะต้องมีทีมงานที่พร้อมให้คำแนะนำกับเจ้าของบ้าน มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องการงานสร้างตั้งแต่ต้นจนจบ รวมไปถึงหลังสร้างเสร็จ ซึ่งจะทำให้การก่อสร้างนั้นเป็นไปอย่างครบถ้วน มีคุณภาพ
ที่สำคัญยังทำให้เจ้าของบ้านรู้ข้อมูลว่าการก่อสร้างบ้านในราคาต่าง ๆ มีขั้นตอนการทำงาน การควบคุม และการตรวจสอบอย่างไร รวมไปถึงมีการรับประกันการก่อสร้างอย่างไรบ้าง โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถไว้วางใจได้
4. ขอใบเสนอราคาก่อนก่อสร้าง
หลังจากได้บริษัทรับสร้างบ้านที่ถูกใจแล้ว คุณต้องแจ้งรายละเอียดการก่อสร้าง และขอใบเสนอราคาจากผู้รับเหมา เพื่อให้ทราบมูลค่าการก่อสร้างทั้งหมดที่ต้องจ่าย ซึ่งอาจรวมถึงรายละเอียด และมาตรฐานของวัสดุที่ใช้ แล้วนำใบเสนอราคาทั้งหมดมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ เพราะการเสนอราคาก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการทำงานของผู้รับเหมาได้ และคุณก็จะได้ตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่ดี ในราคาที่เหมาะสมจากขั้นตอนนี้
5. ต้องมีสัญญาการจ้างที่ชัดเจน
เมื่อคุณพอใจกับราคาที่ผู้รับเหมาเสนอมาแล้ว ก็ถึงเวลาของการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ห้ามตกลงงานแบบปากเปล่าเด็ดขาด โดยบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพจะเป็นผู้เสนอสัญญาจ้างมาก่อน ซึ่งในสัญญาต้องมีการระบุถึงกรอบระยะเวลาการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้ การแบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน มีเงื่อนไขการรับประกันงานก่อสร้าง และถ้าพาร์ตเนอร์ที่รับช่วงต่อในงานที่ผู้รับเหมาไม่ถนัด ก็ต้องระบุในสัญญาด้วย
6. มีมาตรฐานในการทำงานอย่างชัดเจน
มาตรฐานที่แท้จริงจะได้เห็นก็ต่อเมื่อเริ่มงาน โดยผู้รับเหมาที่มีมาตรฐานนั้น ต้องวางแผนงานให้คุณทราบอย่างเป็นระบบ หากเป็นงานใหญ่ต้องส่งวิศวกร หรือสถาปนิกของผู้รับเหมามาให้การดูแลถึงหน้างาน และที่ขาดไม่ได้คือเอกสารค่าใช้จ่ายวัสดุ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้วัสดุ และค่าใช้จ่ายระหว่างก่อสร้าง หากผู้รับเหมาตกมาตรฐานข้อไหนไปคุณต้องทักท้วงทันที
7. มีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรับงาน
การตรวจรับงานคุณควรมีสถาปนิก หรือวิศวกรก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมตรวจงานด้วย โดยบริษัทรับสร้างบ้านต้องมีรายการตรวจรับงานอย่างชัดเจน หากมีอะไรที่ผิดจากที่เคยตกลงกันไว้ต้องพร้อมแก้ไข และเมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าบ้านของคุณสมบูรณ์แล้ว จึงค่อยชำระเงินงวดสุดท้ายถือเป็นอันเสร็จสิ้นการส่งมอบงาน
สิ่งที่จะได้รับเมื่อเลือกบริษัท รับสร้างบ้าน ที่มีคุณภาพ
1. มีเอกสารและหลักฐาน เพื่อความสบายใจ
สัญญาจ้าง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการจ้างงานก่อสร้าง และมีผลทางกฎหมาย คุณสามารถสบายใจได้เลยเมื่อได้รับสัญญาจ้างที่ลงนามกันอย่างถูกต้อง ระหว่างคุณกับผู้รับเหมา เพราะหากมีการหนีงานขึ้นมา คุณก็สามารถใช้สัญญาจ้าง และหลักฐานทั้งหมดในการฟ้องร้อง เอาผิดต่อผู้รับเหมาได้โดยไม่มีข้อแม้
2. สามารถติดตามงานและค่าใช้จ่ายได้
บริษัท รับสร้างบ้าน ราคาถูกนั้นมีอยู่ทั่วไป แต่การหาบริษัทรับสร้างบ้านที่ราคาถูก และมีคุณภาพนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อจ้างผู้รับเหมาที่ทำงานได้มาตรฐาน เพราะคุณจะสามารถติดตามความคืบหน้าของงาน และการใช้วัสดุต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างก่อสร้าง แม้ว่าทำการบ้านหาผู้รับเหมาให้หนักสักนิด แต่ผลที่ได้ถือว่าคุ้มค่าอย่างแท้จริง
3. แบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้า
ไม่ต้องห่วงว่าผู้รับเหมาจะหนีหายไปพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ เพราะบริษัทรับสร้างบ้านที่ดี และมีคุณภาพต้องมีความจริงใจกับคุณด้วยการให้แบ่งจ่ายเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน ที่สำคัญการจ่ายเป็นงวดยังช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้เป็นอย่างดี
4. ลดปัญหาระหว่าง และหลังการก่อสร้าง
เพราะปัญหาจุกจิกในการก่อสร้างมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ถ้าคุณเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพ พวกเขาจะป้องกัน และรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีมาตรฐาน ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่เคยมีผลงานมากมาย และประสบการณ์ยาวนาน ก็จะยิ่งช่วยลดปัญหาทั้งระหว่าง และหลังการก่อสร้างให้คุณได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/