โดยปกติตั้งแต่สมัยโบราณมนุษย์จะมีการปรับตัวเพื่อให้ดำเนินชีวิตเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ได้พบเจอได้ ซึ่งมันก็คือพื้นฐานของการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปการปรับตัวก็ต้องปรับตามยุคนั้นๆ ด้วย ในด้านเทคโนโลยีก็เช่นเดียวกัน เด็กรุ่นหลังๆเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้
ยิ่งเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรามากเท่าไหร่ เราก็ต้องยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับมันมากขึ้น ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์ก็ทำเพื่อสิ่งเหล่านี้เช่นเดียวกัน ในเมื่อแทบทุกธุรกิจเริ่มหันมาใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเข้ามาช่วยทำการตลาดให้แบรนด์เติบโต คุณก็ต้องสู้ด้วยการทำการตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน
ข้อดีของเทคโนโลยีคือเราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การสร้างธุรกิจมีความเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เราจะเอาอะไรไปสู้กับคู่แข่งเจ้าอื่นๆกันหล่ะ ถ้าคุณยังไม่รู้จักกลยุทธ์ของการสื่อสาร บทความนี้จะช่วยบอกคุณเองว่าตอนนี้ ช่องทางไหนที่ควรค่าแก่การงัดมาใช้กับคู่แข่ง เผื่อคุณจะสามารถนำไปต่อยอดให้กับธุรกิจของคุณได้ด้วย
เราต้องแยกก่อนว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) แบบไหน?
ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการค้า B2B (Business to Business)
ธุรกิจ B2B หรือการค้ากับธุรกิจต่อธุรกิจนั้น โดยส่วนมากแล้วจะเป็น สินค้า/บริการ ที่มีความเจาะจงกับบริษัทเท่านั้น การทำการตลาดออนไลน์ ที่เหมาะนั้นจะเหมาะกับการโฆษณา Google เป็นหลัก ไม่ว่าจะ Google SEO หรือ Google Ads เนื่องการธรรมชาติของ ธุรกิจ B2B นั้นคือ ลูกค้าจะมีความต้องการมา หรือ Demand ที่เข้ามา ทางเราต้องตอบโจทย์โดยการขึ้นอันดับให้ได้เค้าเจอ Supply หรือในส่วนนี้คือเว็บไซต์ของเราที่สินค้า บริการต่างๆตอบโจทย์บริษัทนั้นๆ
ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการค้า B2C (Business to Customer)
ธุรกิจ B2C หรือการค้ากับธุรกิจต่อลูกค้าทั่วไป จะเป็น สินค้า/บริการ ที่ขายคร่อง หรืออาจจะมีราคาที่ไม่สูงมาก สามารถเข้าถึงผู้คนได้หลากหลาย การทำตลาดจึงต้องเป็นการตลาดที่สร้างความต้องหรือ Create Demand ขึ้นมา เพื่อให้เกิดการซื้อขาย โดยส่วนมากแล้วจะเน้นการทำ Facebook, จ้าง Influencer, YouTube, หรือการลง Pantip เพื่อสร้างความต้องการแก่ลูกค้า
กลยุทธ์ทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั้นจะแยกเป็น 2 รูปแบบหลักๆที่ใช้กัน นั่นก็คือ
Inbound Marketing การตลาดแบบสร้างแรงดึงดูด
เป็นการทำตลาดออนไลน์โดยการสร้างคอนเทนต์ (Content) ที่มีคุณภาพ สร้างประโยชน์ เพื่อส่งไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการทำการตลาดออนไลน์ด้วย ให้พวกเขารับรู้และรู้สึกว่าได้รับคุณค่าจากคอนเทนต์ของเรา ซึ่งคอนเทนต์ที่ดี จะช่วยสร้างแรงดึงดูดทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหันมาสนใจสินค้าหรือบริการได้และกลับเข้ามาหาเราเองในที่สุดแล้ว Inbound Marketing ต่างกันกับ Content Marketing ยังไง หลายคนคงกำลังสงสัย จริงๆแล้วมันก็คล้ายคลึงกันมาก เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันขาดกันไม่ได้ ให้ลองมองภาพว่า การสร้างคอนเทนต์ คือ สาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดโดยใช้รูปแบบ Inbound Marketingซึ่งก็คือช่องทางที่ทำให้สารของเราถึงมือกลุ่มเป้าหมายและสามารถวัดผลได้นั่นแหละ
ส่วนใหญ่การตลาดรูปแบบนี้จะใช้ช่องทางการสื่อสารด้วยวิธีทำ,ใช้โซเชียลมีเดียในการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดี, เว็บบอร์ด , Email Marketing ,การพูดถึงแบบปากต่อปาก เป็นต้น การทำการตลาดออนไลน์แบบ Inbound Marketing จะใช้เวลามากกว่าแต่เน้นผลในระยะยาว กว่าเน้นความรวดเร็วแบบ Outbound Marketing
2. Outbound Marketing การตลาดแบบผลักดัน
ก็คือ การทำการตลาดโดยการผลักแบรนด์ไปให้ถึงผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ โดยส่วนใหญ่การทำการตลาดรูปแบบนี้จะเน้นการนำเสนอแบรนด์ สิ่งที่แบรนด์ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ซึ่งเน้นเรื่องการโปรโมทให้เข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากเข้าไว้เป็นสำคัญ โดยรูปแบบนี้จะเป็นเรื่องง่ายในยุคปัจจุบัน เนื่องจากโลกโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลกับการใช้ชีวิตของทุกคนเพิ่มขึ้น การใช้ Outbound Marketingจึงเหมาะกับการส่งข้อมูลออกไปเป็นวงกว้างโดยใช้เวลาที่น้อย แต่ข้อเสียของการทำการตลาดรูปแบบนี้คือ มันมีผลเพียงระยะสั้น เพราะน้อยมากที่คอนเทนต์ที่ส่งไปจะช่วยสร้างคุณค่าทางจิตใจให้กับผู้รับ แต่ผลดีของมันก็คือความรวดเร็วและผลกำไรที่ตามมา
การตลาดออนไลน์ ที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณ และความสำคัญต่อธุรกิจ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/