แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 49
1
รถยนต์ไฟฟ้า ลีปมอเตอร์ Leapmotor C10 Style ปี 2025
978,000 บาท

ลีปมอเตอร์ Leapmotor C10 Style ปี 2025
Leapmotor C10 Style เป็นอีกหนึ่งรุ่นย่อยที่เข้ามาเสริมทัพและเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้าในประเทศไทย มาพร้อมระยะทางการขับขี่อยู่ที่ 477 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เดี่ยวขับหลัง ภายในมีความกว้างขวางทั้งห้องโดยสารด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมซอฟต์แวร์ four-leaf clover แบบศูนย์รวม Leap 3.0 ที่ได้รับการพัฒนาและอัปเดทเวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว และยังสามารถสั่งการผ่านแอพพลิเคชั่น Leapmotor บนโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย พร้อมแคมเปญพิเศษ ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

ข้อมูลทั่วไป

แบรนด์                 Leapmotor
รุ่น                      ลีปมอเตอร์ Leapmotor C10 Style ปี 2025
ประเภทรถ             รถอเนกประสงค์ SUV,
Electric - EV
ปีที่เปิดตัว             2025
ราคา                   978,000 บาท

สเปคละเอียด

มอเตอร์ไฟฟ้า                     มอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแบบถาวร ใช้แม่เหล็กถาวร กำลัง 160 kW แรงบิด 320 นิวตันเมตร, ระบบชาร์จไฟแบบออนบอร์ด 6.6 kW, ระบบชาร์จไฟกระแสตรงสูงสุด 84 kW, ระยะเวลาในการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (30-80%) ใน 30นาที, ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม., อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)         แรงม้า
ระบบเกียร์                           เกียร์อัตโนมัติ
รูปแบบเกียร์
ระบบเบรค ABS                   มี (,ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ)
ชนิดแบตเตอรี่                      ไฟฟ้า
ความจุแบตเตอรี่                  69.9 kWh
ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง   477 กม./ชม. ตามมาตรฐาน NEDC
น้ำหนักตัวรถ                     1,980 กก.
ประเภทยางรถยนต์               -
ขนาดล้อ (นิ้ว)                   ล้ออัลลอย (ขนาด 18 นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน
ขับเคลื่อนล้อหลัง

ดีไซน์

ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (กระจังหน้าแบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ (AGS),ตะขอพ่วงด้านหน้า)
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟตัดหมอก (หน้า,ไฟตัดหมอกหลัง)
ระบบไล่ฝ้ากระจกมองข้าง
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟหน้า LED
ไฟท้าย LED
ไฟ Daytime Running Lights (LED)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (มือจับประตูแบบซ่อน)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (อัตโนมัติ)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (พร้อมแผงบังแดดไฟฟ้า)
ขนาดยางหน้า-หลัง (235/55R18)
ล้ออัลลอย (ขนาด 18 นิ้ว)

ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
ตกแต่งภายใน (แบบ Soft Touch)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง (แบบเทเลสโคปิก)
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
ภายในโทนสีดำ (Sky Black)
พวงมาลัยไฟฟ้า

ความปลอดภัย
อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค (,ระบบปลดล๊อคอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน,ระบบแจ้งเตือนลืมปิดประตู,ล๊อคเด็ก 2 ชั้น)
สัญญาณกันขโมย
กุญแจรีโมท (แบบ NFC)
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ฟังก์ชันไดนามิกเบรก,ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ,ป้องกันรถไหลอัคโนมัติ,ระบบโอเวอร์ไรด์)
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (,ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน
ระบบสั่งการด้วยเสียง (แบบ 2โซน)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (เมื่อเกิดอุบัติเหตุ)
กล้อง (มองภาพรอบคัน 360 องศา พร้อมระบบแสดงภาพแบบโปร่งใส)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) (,รบบเตือนคนขับสูญเสียสมมาธิแบบขั้นสูง)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA) (+RCTB)
ระบบเตือนก่อนเปืดประตู Door Open Warning (DOW)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX,จุดยึด TOP TETHER เบาะนั่งแถว 2)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ADAS ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง
ระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก (V2L) (,สายชาร์จแบบ TYPE 2 MODE 2-3)
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (เลน) (,ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในสภาพจราจรหนาแน่น,ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน,ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (และด้านหลัง)

2
บริหารจัดการอาคาร: เลือกกล้องวงจรปิดอย่างไร ให้เหมาะกับพื้นที่

ในปัจจุบัน สังคมของเรามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตมากมาย เรียกได้ว่า อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของใครหลายๆคน ทั้งนี้ หลายบ้านยังมีการนิยมติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตใช้ได้เข้าทั่วถึง สามารถใช้การสื่อสารได้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แถมระบบอินเตอร์เน็ตนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับกล้องวงจรปิดได้อีกด้วย ทำให้การติดกล้องวงจรปิด สามารถส่งภาพวีดีโอไปยังโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านสัญญาณไวไฟ ทำให้การดูแลความปลอดภัยให้กับสถานที่ต่าง ๆ ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น


โดยเฉพาะการติดกล้องวงจรปิดในบ้านของเรา ที่สามารถดูผ่านมือถือได้ จึงเป็นทางเลือกความปลอดภัยที่ดีและทันสมัยที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า ในสมัยก่อน การติดตั้งกล้องวงจรปิด จะนิยมติดภายในอาคาร สถานที่ต่างๆ แต่การติดตั้งกล้องวงจรปอดภายในบ้าน ยังไม่เป็นที่นิยม แต่ในสมัยนี้กล้องวงจรปิด สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาที่ไม่แพงมาก มีหลายขนาดให้สามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ จึงทำให้หลายคนสนใจติดตั้งกล้องในบริเวณบ้านของตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า กล้องวงจรปิดก็มีหลายขนาด หลายราคา ซึ่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ดีและให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด ก็คือ การเลือกใช้กล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับพื้นที่ และสถานที่ที่เราจะนำมาใช้ ซึ่งเราจะมาพูดถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่สนใจอยากจะติดตั้งกล้องภายในบ้าน หรือสถานที่ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


โดยทั่วไปหลักการเลือกซื้อกล้องวงจรปิดสำหรับติดตั้งที่บ้านพักนั้น จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือกล้องติดภายในอาคารและกล้องติดภายนอกอาคาร กล้องวงจรปิดภายในอาคารนั้นอาจเลือกใช้ทั้งแบบมีสาย-ไร้สาย หรือระบบเครือข่ายก็ได้ แต่จะแนะนำให้ใช้กล้องประเภทโดมหรือกล้องวงจรปิดที่มีขนาดเล็ก โดยเฉพาะกล้องไร้สายที่เหมาะกับบ้านชั้นเดียว บ้านที่มีพื้นที่โล่ง และไม่ใหญ่มาก หรือติดเฉพาะภายในห้อง ซึ่งสามารถติดตั้งตามมุมผนังหรือฝ้าเพดานบ้านได้สะดวกและดูเรียบร้อย  ส่วนภายนอกอาคารนั้น ควรเลือกกล้องวงจรปิดแบบมีสาย หรือกล้องแบบเครือข่าย IP Camera เนื่องจากมีความทนทาน ทนต่อสภาพอากาศ กันฝุ่นกันน้ำ และควรเลือกกล้องที่มีวิสัยทัศน์การมองเห็นเวลากลางคืนดี มีฟังก์ชั่นตรวจจับการเคลื่อนไหว


ซึ่งจะช่วยตรวจจับการเคลื่อนที่ของวัตถุหรือตรวจจับผู้บุกรุกได้ หรือถ้าหากอยากจะติดตั้งกล้องในออฟฟิส ควรเลือกกล้องที่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในอาคารและนอกอาคารภายในอาคารแนะนำเป็นกล้องวงจรปิดทรงกระบอกหรืออาจจะเลือกกล้องวงจรปิดที่มีไมค์โครโฟนติดตั้งในห้องที่สำคัญๆ เพื่อดูพฤติกรรมของพนักงาน ในขณะเดียวกัน การติดตั้งกล้องในร้านค้านั้น เป็นสถานที่ที่คนแปลกหน้าเข้าออกบ่อยที่สุด และมีความเสี่ยงต่อการสูญหายของทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ควรเลือกกล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดสูง ความละเอียดภาพค่อนข้างมาก หากเป็นร้านขนาดเล็กส่วนใหญ่นิยมเป็นกล้องวงจรปิดไร้สายแบบโดมเพราะติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง เหมาะสมกับพื้นที่อีกด้วย หากติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าหรืออาคารขนาดใหญ่


ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในตัวอาคารให้มองเห็นโดยรอบ ให้ครอบคลุมอาคารมากที่สุด และพื้นที่สุดท้ายคือ ในโรงงานหรือโกงดังสินค้า กล้องวงจรปิดที่นิยมติดตั้งและเหมาะสมที่สุดคือกล้องวงจรปิดระบบ IP Camera เพราะด้วยความเสถียรของระบบและความคมชัดของภาพทั้งภาพกลางวันและกลางคืน จะช่วยเอื้ออำนวยในการตรวจตราความปลอดภัยของสินค้าและตรวจดูพฤติกรรมของพนักงานในขณะทำงานได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตามที่กล่าวมาข้างต้น ก็เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนได้ทราบถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อที่จะสามารถใช้กล้องวงจรปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะได้เกิดความคุ้มค่าในการเลือกใช้ด้วย

 
หากต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็นในอาคารขนาดใหญ่หรือตามบ้านเรือน หรืออยากใช้บริการการซ่อมบำรุงรักษาอาคาร เราได้ เพราะเป้นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบต่างๆภายในอาคาร สามารถให้บริการได้อย่างมืออาชีพ มีการอบรมพนักงานเพื่อให้ความรู้ ให้สามารถรับมือกับปัญหาของลูกค้าและสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลกค้าตามเป้าหมายของเรา

3
หมอประจำบ้าน: กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง/พีซีโอเอส (Polycystic ovary syndrome/PCOS)

กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง/พีซีโอเอส (Polycystic ovary syndrome/PCOS)*  ประกอบด้วยภาวะไม่มีไข่ตก (anovulation) ซึ่งทำให้ประจำเดือนขาดหรือไม่สม่ำเสมอ มีบุตรยาก ภาวะฮอร์โมนเพศชายในเลือดสูง (hyperandrogenemia) ซึ่งทำให้มีขนดก หนวดขึ้น สิวขึ้น หน้ามัน และภาวะรังไข่มีลักษณะเป็นถุงน้ำ (cyst) ขนาด 2-6 มม. จำนวนมากทั้ง 2 ข้าง

พบได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้หญิงโดยทั่วไป ผู้หญิงที่เป็นสิวพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 40 ผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ปกติพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 50-90 และผู้หญิงที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่ามีประวัติเป็นโรคนี้ค่อนข้างมาก (ทางประเทศตะวันตกมีรายงานว่าพบได้ประมาณร้อยละ 80)

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการตั้งแต่วัยรุ่นและอาการจะเป็นมากขึ้นตามอายุ

* มีชื่อเรียกอื่น ได้แก่ “Hyperandrogenic chronic anovulation”, “Stein-Luventhal syndrome”

สาเหตุ

ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน พบว่าผู้ป่วยจะมีการหลั่งฮอร์โมนแอลเอช (luteining hormone/LH)* มากเกินและมีภาวะดื้ออินซูลิน (insulin resistance)** ร่วมกับภาวะอินซูลินในเลือดสูง ส่งผลให้รังไข่สร้างฮอร์โมนต่าง ๆ อย่างไม่ได้สมดุล เกิดภาวะฮอร์โมนเพศชายสูงและไม่มีการตกไข่ ความผิดปกติเหล่านี้ทำให้เกิดอาการแสดงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

*ฮอร์โมนแอลเอชมีหน้าที่กระตุ้นให้รังไข่หลั่งฮอร์โมนเพศชายซึ่งเป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนเพศหญิง และกระตุ้นการเจริญของฟอลลิเคิล (follicle) หรือถุงไข่ของรังไข่ ซึ่งถ้ากระตุ้นมากเกินก็ทำให้เกิดถุงน้ำ (cyst) ได้
** หมายถึง ภาวะที่เซลล์ไม่สามารถนำอินซูลินที่มีการสร้างได้เป็นปกติไปใช้ประโยชน์ ตับอ่อนจึงมีการหลั่งอินซูลินให้มากขึ้นเพื่อชดเชยให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จึงเกิดภาวะอินซูลินในเลือดสูง และในระยะยาวภาวะดื้ออินซูลินทำให้เกิดเบาหวานตามมา

อาการ

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 80-90) จะมีอาการหน้ามัน เป็นสิว ขนดก หนวดขึ้นผิดปกติ

ประมาณร้อยละ 60-70 มีประจำเดือนผิดปกติ คือ ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนมาห่าง (เว้นห่างมากกว่า 35 วัน หรือมีประจำเดือนน้อยกว่า 8 ครั้ง/ปี) บางรายมีประจำเดือนมากหรือออกผิดปกติแบบโรคดียูบี


ภาวะแทรกซ้อน

จากการทดสอบความทนต่อกลูโคส (75 g OGTT) ในกลุ่มผู้ป่วยโรคนี้ พบว่าเป็นเบาหวาน และเบาหวานแฝง (prediabetes) ประมาณร้อยละ 10-15 และ 30-40 ตามลำดับ

ผู้ป่วยอาจมีบุตรยาก แท้งบุตร หรือคลอดบุตรก่อนกำหนด

ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กลุ่มอาการเมตาบอลิก (ดู "โรคไขมันในเลือดผิดปกติ") โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น (โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง) เยื่อบุมดลูกหนาตัว (endometrial hyperplasia เนื่องจากมีเอสโทรเจนสูงโดยไม่มีโพรเจสเทอโรน ทำให้เยื่อบุมดลูกถูกกระตุ้นให้หนาตัว) มะเร็งเยื่อบุมดลูก (ซึ่งมักจะพบในผู้หญิงอายุน้อยกว่า 40 ปี) เป็นต้น

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

หน้ามัน เป็นสิว ขนดก มีหนวดขึ้น

รูปร่างท้วม หรืออ้วน (พบได้ประมาณร้อยละ 60)

ผิวหนังมีปื้นหนาสีน้ำตาลหรือสีดำคล้ายกำมะหยี่ (acanthosis nigricans) พบได้ประมาณร้อยละ 40 พบบ่อยที่บริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อนิ้วมือ ต้นขาด้านใน ใต้นม รอบช่องคลอด เป็นต้น ซึ่งมักเป็นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง (แบบสมมาตร) บางครั้งอาจมีติ่งหนัง (skin tag) อยู่ในรอบ ๆ บริเวณที่เป็นปื้นหนา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนเพศชายและหญิงและฮอร์โมนอื่น ๆ เพื่อแยกแยะจากสาเหตุอื่น รวมทั้งตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (โดยการทดสอบความทนต่อกลูโคสหรือ 75 g OGTT) และไขมันในเลือด ตรวจอัลตราซาวนด์ ตรวจชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก

แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้จากการตรวจพบอย่างน้อย 2 ข้อ ของลักษณะ 3 ข้อต่อไปนี้

    ประจำเดือนผิดปกติ เช่น ประจำเดือนไม่มา มาห่าง หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย (ดียูบี)
    มีอาการของฮอร์โมนเพศชายสูง (หน้ามัน เป็นสิว ขนดก หนวดขึ้น) และ/หรือตรวจพบฮอร์โมนเพศชายชนิดใดชนิดหนึ่งสูง
    ตรวจอัลตราซาวนด์พบรังไข่เป็นถุงน้ำหลายถุง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีประจำเดือนผิดปกติ ให้ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (เช่น norethisterone หรือ medroxy progesterone) หรือยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดผสม

2. ในรายที่เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว ให้ norethisterone หรือ medroxyprogesterone เป็นเวลา 6 เดือน

3. ในรายที่มีภาวะมีบุตรยาก และต้องการมีบุตร ให้ยากระตุ้นรังไข่ ได้แก่ โคลมิฟีนซิเทรต (clomiphenecitrate) ถ้าไม่ได้ผลให้เมตฟอร์มิน (metformin) ให้เดี่ยว ๆ หรือให้ร่วมกับโคลมิฟีนซิเทรต

บางรายแพทย์อาจให้ยาฉีด follicle-stimulating hormone (FHS) หรือทำการจี้รังไข่ด้วยไฟฟ้าโดยวิธีส่องกล้องเข้าช่องท้อง (laparoscopic ovarian drilling) ทำให้เกิดความร้อนทำลายเนื้อเยื่อรังไข่บางส่วนเพื่อลดปริมาณฮอร์โมนเพศชาย ช่วยให้มีการตกไข่ วิธีนี้ถ้าใช้ร่วมกับการให้ยาโคลมิฟีนซิเทรต จะช่วยให้ได้ผลมากขึ้น

4. ให้การรักษาภาวะอื่น ๆ ที่พบร่วม เช่น เบาหวาน น้ำหนักเกิน กลุ่มอาการเมตาบอลิก

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการหน้ามัน เป็นสิว ขนดก หนวดขึ้นผิดปกติ มีประจำเดือนผิดปกติ คือ ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนมาห่าง (เว้นห่างมากกว่า 35 วัน หรือมีประจำเดือนน้อยกว่า 8 ครั้ง/ปี) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ลดน้ำหนักถ้าอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
    ลดอาหารไขมัน แป้ง และน้ำตาล

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปัสสาวะบ่อย มีเลือดประจำเดือนออกกะปริดกะปรอย เจ็บหน้าอก หรือมีอาการแขนขาชาหรืออ่อนแรง
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง


ข้อแนะนำ

1. ผู้หญิงวัยรุ่นหรือวัยสูงอายุที่เป็นสิวซึ่งรักษายาก หรือมีอาการหน้ามัน ขนดก หนวดขึ้น ประจำเดือนไม่มา หรือมาห่าง หรือมีบุตรยาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหากลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง

2. โรคนี้ส่วนใหญ่สามารถรักษาให้ร่างกายกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ช่วยให้มีบุตรได้ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน (เช่น เบาหวาน มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก) ได้

4
มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi 14T (12GB/256GB)
15,990 บาท 

เสียวหมี่ Xiaomi 14T (12GB/256GB)
สามเลนส์ สี่ความยาวโฟกัส เลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica
เซ็นเซอร์ภาพ IMX906 จาก Sony ช่วงไดนามิกและการลดสัญญาณรบกวนที่ยอดเยี่ยม
Advance AI ขับเคลื่อนด้วย Xiaomi HyperOS
ลื่นไหลไร้รอยต่อ พร้อมจออัจฉริยะ เทคโนโลยีจอแสดงผล AI 144Hz*
แบตเตอรี่ 5000mAh (typ) ใช้งานได้ยาวนาน ไฮเปอร์ชาร์จ 67W*
อีกขั้นของขุมพลัง ประสิทธิภาพ และความชาญฉลาด ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8300-Ultra

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             เสียวหมี่ Xiaomi 14T (12GB/256GB)
   ราคากลาง          15,990 บาท ดูโทรศัพท์มือถือราคาใกล้เคียง
   จำนวนซิม            2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์         จอสัมผัส
   สี                     Gray(Titan Gray), Black(Titan Black), Blue(Titan Blue), Green(Lemon Green)
   ความถี่-เครือข่าย
2G
3G
4G
5G

   ขนาด-น้ำหนัก                    ยาว 160.5 x กว้าง 75.1 x หนา 7.8 มม., น้ำหนัก 195 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)   256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ         ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                 จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด          6.67 นิ้ว, 446 ppi, 1,220 x 2,712 px
   รายละเอียดอื่น
เทคโนโลยีจอแสดงผล AI 144Hz
วัสดุ: AMOLED
ความละเอียด: 2712 x 1220, 446ppi
อัตรารีเฟรช: สูงสุด 144Hz*
หน้าจอรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุดถึง 144Hz อัตรารีเฟรชหน้าจออาจแตกต่างกันออกไปเล็กน้อยตามอินเทอร์เฟซแอปพลิเคชันและคุณภาพกราฟิกของเกมที่แตกต่างกัน โปรดอ้างอิงจากประสบการณ์จริง
ความไวตอบสนองการสัมผัส: สูงสุด 480Hz
ช่วงสี: DCI-P3
ความลึกของสี: 6.8 หมื่นล้านสี
ความสว่างสูงสุด: 4000nits
การหรี่ไฟ: สูงสุด 3840 PWM
โหมดสีเข้ม
ความสว่างอัตโนมัติ
หน้าจอ TrueColor
สีดั้งเดิมโปร
สีสันที่ปรับอัตโนมัติ
โหมดอ่านหนังสือ
การแสดงผล HDR ระดับโปร
ระบบภาพ AI
HDR10+
Dolby Vision®
ได้รับการรับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก TÜV Rheinland (ฮาร์ดแวร์โซลูชัน)
ได้รับใบรับรองความไร้ซึ่งแสงกะพริบจาก TÜV Rheinland
ได้รับใบรับรองความเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพจาก TÜV Rheinland

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                 กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (32 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                              -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8300-Ultra
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)    Arm Mali-G615 MC6
   หน่วยความจำ (RAM)               12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก               USB(Type-C), Bluetooth(5.4), NFC, Wi-Fi
   ระบบรับส่งข้อความ                       -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต             3G, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                             ไม่มี

5
doctor at home: สครับไทฟัส (Scrub typhus)

สครับไทฟัส* เป็นโรคที่แพร่เชื้อมาจากสัตว์ พบบ่อยในพื้นที่ชนบทและป่าเขา ในบ้านเรามีรายงานโรคนี้ประมาณปีละ 3,000-4,000 ราย พบได้ทุกภาคของประเทศ

มักพบในกลุ่มชาวไร่ ชาวสวน นักล่าสัตว์ ทหาร นักวิทยาศาสตร์ และผู้ที่ออกไปตั้งค่ายในป่า

โรคนี้ชาวบ้านบางแห่งเรียกว่า ไข้แมงแดง

*ไทฟัส (typhus) หรือไข้รากสาดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อริกเกตเซีย (rickettsia) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ในที่นี้จะกล่าวถึงชนิดที่พบบ่อยในบ้านเรา ได้แก่ สครับไทฟัส

นอกจากนี้ ยังอาจพบมิวรีนไทฟัส (murine typhus หรือ endemic typhus) ที่พบมากทางภาคใต้ เกิดจากเชื้อริกเกตเซียไทฟิ (Rickettsia typhi) ซึ่งมีหมัดหนู (rat flea) เป็นพาหะ มักมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้น โดยไม่มีสะเก็ดแผลไหม้แบบสครับไทฟัส อาจมีอาการตับโต ม้ามโต และอาการทางระบบประสาท (เช่น ซึม ชัก) ประมาณร้อยละ 10 อาจมีอาการรุนแรง ซึ่งอาจเสียชีวิตจากภาวะไตวาย การหายใจล้มเหลว ช็อก ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ให้การรักษาแบบเดียวกับสครับไทฟัส

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อริกเกตเซีย ที่มีชื่อว่า โอเรียนเทียซูซูกามูชิ (Orientia tsutsugamushi ซึ่งเดิมเรียกว่า Rickettsia tsutsugamushi หรือ Rickettsia orientalis) โดยมีไรอ่อน (chigger หรือ laval-stage trombiculid mites) เป็นพาหะนำโรค ระยะฟักตัว 4-18 วัน

ตัวไรแก่อาศัยอยู่บนหญ้าและวางไข่บนพื้นดิน ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนที่มี 6 ขาและมีสีแดง ไรอ่อนจะกระโดดเกาะสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์แทะ นก หรือผู้ที่เดินผ่านไปมาเพื่อดูดน้ำเหลืองเป็นอาหาร ถ้าคนหรือสัตว์มีเชื้อริกเกตเซียชนิดนี้อยู่ เชื้อก็จะเข้าไปอยู่ในลำไส้และต่อมน้ำลายของไรอ่อน แล้วเจริญแบ่งตัวในขณะที่ไรอ่อนกลายเป็นตัวแก่ ตัวแก่เมื่อวางไข่ก็จะมีเชื้อโรคแพร่ติดอยู่ เมื่อฟักเป็นไรอ่อนก็จะเป็นไรอ่อนที่มีเชื้อโรค เมื่อไปกัดคนหรือสัตว์ก็จะแพร่เชื้อให้คนหรือสัตว์นั้นต่อไป

ในบ้านเราสัตว์ที่เป็นรังโรค (มีเชื้อโรคในร่างกาย) คือ หนูเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยอาจพบในกระแต และ กระจ้อน

สัตว์ที่เป็นรังโรคและไรอ่อนที่เป็นพาหะนำโรค อาจอยู่ตามพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ ทุ่งหญ้าคา ไร่พริก สวนยาง พุ่มไม้เตี้ย ๆ และป่าสูง ซึ่งมีอยู่แทบทุกภาคของประเทศ


อาการ

หลังถูกไรอ่อนกัด 4-18 วัน จะมีอาการปวดศีรษะที่ขมับและหน้าผาก และจับไข้หนาวสั่น ไข้สูงตลอดเวลา (ไข้อาจเป็นอยู่นาน 2-3 สัปดาห์) หน้าแดง ตาแดง และกลัวแสง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องผูก

บริเวณที่ถูกกัดจะเจ็บ และมีรอยไหม้ดำเหมือนถูกบุหรี่จี้ รอบ ๆ แผลจะมีอาการบวมแดงแต่ไม่เจ็บ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. และเป็นอยู่นาน 1-3 สัปดาห์ พบได้ประมาณร้อยละ 40 ของผู้ป่วย มักจะพบที่รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว ก้น อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ ๆ จะโตและเจ็บด้วย

ประมาณวันที่ 5-7 หลังมีไข้จะมีผื่นสีแดงคล้ำขึ้นที่ลำตัวก่อน แล้วกระจายไปแขนขา ผื่นจะมีอยู่ 3-4 วันก็หายไป

ผู้ป่วยอาจมีอาการไอร่วมด้วย จากการอักเสบของเนื้อปอด


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจถ่ายอุจจาระดำ เพ้อคลั่ง หมดสติ หัวใจวาย (กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ) สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (ARDS) ไตวายเฉียบพลัน หรือภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้สูง อาจพบต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไป ตับโต ม้ามโต รอยแผลไรกัดลักษณะเหมือนถูกบุหรี่จี้ เรียกว่า สะเก็ดแผลไหม้ หรือ เอสคาร์ (eschar)

อาจพบผื่นแดงตามผิวหนัง (ขึ้นประมาณวันที่ 6 ของไข้) ดีซ่าน หรือคอแข็ง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการทดสอบทางน้ำเหลืองด้วยวิธี indirect immunofluorescence assay (IFA), indirect immunoperoxidase assay (IIP) หรือ dot-ELISA (ซึ่งทำเป็นชุดตรวจสำเร็จรูป หรือ dipstick test)

บางรายอาจตรวจด้วยวิธี polymerase chain reaction (PCR)

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจปัสสาวะ เจาะเลือด ตรวจการทำงานของตับ เอกซเรย์ และตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล แพทย์จะวินิจฉัย

1. ถ้าอาการไม่รุนแรงให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เตตราไซคลีน คลอแรมเฟนิคอล หรือดอกซีไซคลีน

ในหญิงตั้งครรภ์หรือเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือในรายที่ดื้อต่อยาดังกล่าว ก็จะให้ยาปฏิชีวนะอื่น เช่น อะซิโทรไมซิน ไรแฟมพิซิน

2. ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น หอบ หัวใจวาย ไตวาย ช็อก ชัก หรือหมดสติ จำเป็นต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง ร่วมกับอาการหนาวสั่น, มีไข้นานเกิน 7 วัน, หรือ มีไข้ร่วมกับมีรอยไหม้ดำเหมือนถูกบุหรี่จี้ที่รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว ก้น หรืออวัยวะเพศ  ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นสครับไทฟัส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีภาวะช็อก (ซึม กระสับกระส่าย ตัวเย็น หน้ามืด เป็นลม)
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง หรือชัก
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย
    ถ่ายอุจจาระดำ
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ถ้าจะออกไปตั้งค่ายในป่า พยายามอย่าเข้าไปในพุ่มไม้ บริเวณที่ตั้งค่ายควรถางให้โล่งเตียน ควรพ่นยาฆ่าไรบนพื้นดิน และไม่ควรนั่งหรือนอนอยู่กับที่นาน ๆ ควรใส่เสื้อผ้ารัดกุมและทายาป้องกัน

2. กินยาป้องกัน โดยกินดอกซีไซคลีน 200 มก. สัปดาห์ละครั้ง ระหว่างที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรคนี้อยู่ โดยให้เริ่มกินครั้งแรกก่อนเดินทาง 3 วัน และกินต่อจนกระทั่ง 6 สัปดาห์หลังเดินทางกลับออกมาแล้ว


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มักมีไข้สูง หนาวสั่น อาจมีไข้นาน 2-3 สัปดาห์ ตาแดงและมีผื่นขึ้น อาการเหล่านี้มีลักษณะคล้ายมาลาเรีย ไทฟอยด์ เล็ปโตสไปโรซิส ไข้เลือดออก และหัด

แต่ลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือ มีประวัติเดินทางไปต่างจังหวัด หรือเข้าไปในป่า ในสวนหรือในไร่ และอาจพบสะเก็ดแผลไหม้จากไรกัด มีลักษณะไหม้ดำเหมือนถูกบุหรี่จี้

ดังนั้นเมื่อพบผู้ที่เป็นไข้โดยยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ควรค้นหารอยแผลไรกัด โดยถามผู้ป่วยว่ามีแผลตามร่างกายหรือไม่ และตรวจดูตามผิวหนังอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรักแร้ ขาหนีบ รอบเอว ก้น อวัยวะเพศ

2. โรคนี้เมื่อได้รับการรักษา ไข้มักจะลดลงภายใน 24-72 ชั่วโมง และจะหายขาดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา บางรายอาจหายได้เอง โดยจะมีไข้อยู่นาน 2-3 สัปดาห์ แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง โรคนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 10-30


6
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ช่วยทำให้ลดปัญหาโรคฟันผุและโรคเหงือกได้ ?

ปัญหาโรคฟันผุถือว่าเป็นปัญหาที่หลายคนักจะพบเจอ ยิ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องป่กและฟันด้วยแล้ว ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ สำหรับโรคฟันผุคือ โรคของฟันที่มีเนื้อฟันถูกทำลายไป โดยมีการทำลายแร่ธาตุที่เป็น องค์ประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเหล่านี้ จนทำให้เกิดเป็นรูหรือโพรงที่ตัวฟัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะลุกลาม ขยายใหญ่และลึกขึ้นเรื่อยๆ เกิดการเจ็บปวดทุกข์ทรมาน และสุดท้ายอาจต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด ซึ่งการสูญเสียฟัน นอกจากนี้ คราบฟัน หรือคราบแบคทีเรีย

ซึ่งจะเกาะอยู่บนผิวของฟัน แบคทีเรียจะเปลี่ยนสภาพน้ำตาลและแป้งให้เป็นกรด มีฤทธิ์ทำลายแร่ธาตุที่ผิวฟัน จนก่อให้เกิดเป็นรู โดยเริ่มจากขนาดเล็กมากๆ ลุกลามใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคฟันผุ โดยปกติแล้ว การเกิดโรคฟันผุมักจะพบได้บ่อยในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน โดยมีปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ เช่น การบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต อาการปากแห้ง การใช้ยาบางชนิด และที่สำคัญก็คือ การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งในข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากจะทำให้เกิดฟันผุแล้ว ยังสามารถทำให้เกิดโรคเหงือกได้อีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาด เพื่อที่จะได้ลดการเกิดฟันผุได้

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของฟันนั้น ผู้ที่เข้ารับการจัดฟันก็มีปัญหาในเรื่องของการทำความสะอาดฟันด้วยเช่นเดียวกัน เพราะผู้ที่เข้ารับการจัดฟันที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ทำให้ทำความสะอาดฟันได้ยาก และอาจจะทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ทั่วถึงด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุและการเกิดโรคเหงือกได้ แต่สำหรับผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น ในเรื่องของการทำความสะอาด แน่นอนว่าผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาฝันโรคได้นั่นเอง

และนอกจากการทำความสะอาดแล้วผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสยังสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ เพราะขณะรับประทานอาหารผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายและเต็มที่มากยิ่งขึ้น แถมไม่ต้องกังวลในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสจะต้องมีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้ ถ้าหากผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติและยังมีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจได้ด้วย

หากใครสนใจเท่ากับการจัดฟันแบบใสก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำ ได้ที่คลินิกของเรา เพราะเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันแบบใสและมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ คลินิกของเรายังให้บริการทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจร มีเครื่องมือทางการทันตกรรมที่ทันสมัย มีความปลอดภัย นอกจากนี้ คลินิกของเราได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจและยังทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

7
รถไฟฟ้า ev เกีย KIA EV5 Earth Long Range ปี 2024
1,599,000 บาท

เกีย KIA EV5 Earth Long Range ปี 2024
Kia EV5 Earth Long Range มาพร้อมตัวเลือกระบบส่งกําลังไฟฟ้าหลากรูปแบบ โดยในรุ่นนี้ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าขนาด 160 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางจากพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEDC สูงสุดถึง 665 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.9 วินาที ด้วยกําลังมอเตอร์สูงสุด 217 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 310 นิวตันเมตร มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว อีกทั้งยังมีฟีเจอร์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยมากมาย

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               KIA
   รุ่น                    เกีย KIA EV5 Earth Long Range ปี 2024
   ประเภทรถ           รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว            2024
   ราคา                1,599,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ ด้านหน้า, ข้าง และหลัง)
ไฟหน้า LED (แบบ Multi Reflection 3 จุด,ไฟหรี่หน้าแบบ LED)
ไฟท้าย LED
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (มือจับประตูแบบ Flush type ทํางานแบบ อัตโนมัติ,วัสดุตกแต่งซุ้มล้อ และกาบข้างสีดําเงา)
ยางอะไหล่สำรอง (จะได้เป็นชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (บริเวณด้านหน้า และหลัง)
ขนาดยางหน้า-หลัง (235/55R19)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (19 นิ้ว)

   ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนัง (สังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (แผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์แบบปรับตั้งได้)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ด้วยสวิตช์)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                มอเตอร์ไฟฟา Permanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.9 วินาที

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        แรงม้า
   ระบบเกียร์                         เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                       สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire พร้อม Paddle Shift ปรับการทํางานของ Regenerative Brake
   ระบบเบรค ABS                  มี
   ชนิดแบตเตอรี่                    ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                  88.1 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง     665 กม. มาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด  7 kW Single-phase / 11 kW Three-phase รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 141 kW ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% ผ่าน AC 8 ชม. 10 นาที ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ผ่าน DC Fast charge EVSE 38 นาที

   น้ำหนักตัวรถ                     2,030 กก.
   ประเภทยางรถยนต์               -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                  ล้ออัลลอย (19 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                 ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESC และควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง TSA)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (พร้อมครีบระบายความร้อน)
กุญแจรีโมท (Smart Key)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (พร้อมระบบ Multi-Collision Brake)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร, ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist)
เข็มขัดนิรภัย (คูู่หน้าแบบ 3 จุด ELR ปรับระดับสูง -ต่ำ เข็มขัดนิรภัยแถวที่ 2 แบบ 3 จุด ELR และ ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู ่ด้านหลัง)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HAC และควบคมเบรกขณะลงทางลาดชัน DBC)
กล้อง (มองรอบทิศทาง)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (ที่กระจกมองข้าง,ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA) (และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง)
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อม Auto Brake Hold)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ((ISOFIX) บนเบาะแถวที่ 2 และสวิตช์ควบคุมระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังแบบไฟฟ้า)

8
งานมอเตอร์โชว์ OMODA & JAECOO โชว์นวัตกรรมยานยนต์และหุ่นยนต์อัจฉริยะในงาน International Users Summit

OMODA & JAECOO จัดงาน International Users Summit ณ เมืองอู๋หู ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 17-21 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด User Co-Creation การร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมไปกับผู้ใช้ ซึ่งรวมพลเจ้าของรถและสื่อต่าง ๆ จากนานาประเทศ พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมแห่งอนาคต และความสำเร็จที่ผ่านมาของแบรนด์ โดยภายในงานมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี การนำเสนอเทรนด์ใหม่ ๆ และการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่อย่าง Argos หุ่นยนต์สุนัขอัจฉริยะ พร้อมเปิดโอกาสให้เจ้าของรถ OMODA & JAECOO จากทั่วโลก ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ผ่านกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟสุดล้ำ


ผลงานนักสร้างสรรค์ระดับโลกบนรถ OMODA 5

OMODA E5 หรือ OMODA C5 EV ในประเทศไทย หนึ่งในรถยนต์รุ่นเรือธงของ OMODA ได้จัดการประกวดแต่งรถเป็นครั้งแรก ผ่านการเชิญชวนเหล่าผู้เจ้าของรถจริงมาโชว์ไอเดียการปรับโฉมรถสุดสร้างสรรค์ การประกวดครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ขับขี่ทั่วโลกกว่า 10 ประเทศ ด้วยดีไซน์อันล้ำสมัยและศักยภาพในการปรับแต่งที่ไร้ขีดจำกัดของ OMODA C5 EV ทำให้เกิดผลงานการสร้างสรรค์ที่หลากหลายน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมสร้างสรรค์กว่า 200 คัน และบางส่วนได้รับเลือกให้มาจัดแสดงที่งานแห่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของผู้ขับขี่ทั่วโลก ที่สอดคล้องไปกับแนวคิด User Co-Creation การร่วมสร้างสรรค์ระหว่างแบรนด์และผู้ขับขี่ OMODA นั่นเอง นอกจากนี้ทาง JAECOO ยังได้นำเสนอการแต่งรถ JAECOO 6 EV และ JAECOO 7 PHEV ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่รักการผจญภัย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับการขับขี่ออฟโรดที่ไม่ซ้ำใคร การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ OMODA & JAECOO ในการเป็นผู้นำเทรนด์การปรับแต่งรถระดับโลก


พร้อมส่งมอบประสบการณ์ของผู้ขับขี่แห่งอนาคต

 งาน International Users Summit ครั้งนี้ OMODA & JAECOO ได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษมากมายในรูปแบบเทคโนโลยี Immersive ตอกย้ำแนวคิดและวิสัยทัศน์ของแบรนด์สู่อนาคตที่ยั่งยืนของมนุษย์ ผ่านโซนกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ โซน User Eco Carnival ขนทับจัดแสดงนวัตกรรมในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟด้วยบรรยากาศแห่งอนาคตอันล้ำสมัย โซน User Co-Creation Display Area จัดแสดงผลงานการปรับแต่งรถสุดสร้างสรรค์ จากไอเดียการออกแบบใหม่ ๆ จากผู้ขับขี่ทั่วโลก และโซน On-Site Retail Zone จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ให้ผู้เข้าร่วมได้เลือกซื้อมากมาย


ความอัจฉริยะของนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ International Users Summit 2024 ครั้งนี้ คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Argos หุ่นยนต์สุนัขไบโอนิกส์รุ่นที่ 2 และ Mornine หุ่นยนต์มนุษย์โต้ตอบขั้นสูงจากบริษัทพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่าง AiMOGA โดย Mornine สามารถช่วยบริการในศูนย์บริการได้อย่างครบวงจร ลดช่องว่าง เพิ่มความใกล้ชิดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ด้วยการให้ Mornine สามารถทักทายลูกค้า วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า นำเสนอตัวเลือกรถที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล พาชมรถ แนะนำฟังก์ชันรถ ไปจนถึงการตอบคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับรถให้แก่ลูกค้า


ในขณะที่ Argos หุ่นยนต์สุนัขไบโอนิกส์รุ่นที่ 2 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากภายในงานเช่นกัน ด้วยดีไซน์น่ารักสดใสที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การจดจำเสียงสั่งการ การติดตามเจ้าของ และการทำท่าเลียนแบบสุนัข Argos ยังตั้งเป้าเป็นผู้ช่วยเหลือแก่เด็กออทิสติกและผู้พิการได้อีกด้วย นอกจากนี้ หุ่นยนต์สุนัขไบโอนิกส์ Argos ยังสามารถรับบทผู้ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ OMODA & JAECOO ในการสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด

สัมผัสยานยนต์แห่งอนาคต ตอบสนองไลฟ์ไสตล์ทุกมิติ
ภายในงานมีการจัดแสดงรถหลากหลายรุ่นจาก OMODA & JAECOO ไม่ว่าจะเป็น OMODA C5 EV รถครอสโอเวอร์ พลังงานไฟฟ้า 100% ในคอนเซ็ปต์ Light of Movement อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยครบครันฟังก์ชันและความปลอดภัย โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนตัวตนผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร

JAECOO 6 EV รถออฟโรดพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100% ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียม พร้อมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟต ระยะยื่นหน้าและหลังที่สั้นทำให้การขับขี่แบบออฟโรดมีความคล่องตัวสูงไฟหน้าแบบ Headlamp Matrix Adaptive ส่องได้กว้างและไกลกว่า และโหมดการขับขี่ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและการขับขี่แบบสมบุกสมบัน

JAECOO 7 PHEV รถยนต์ออฟโรดพลังปลั๊กอินไฮบริด ระดับไฮเอนด์สมรรถนะสูง ผสานความคลาสสิคของรถยนต์ออฟโรดเข้ากับเทคโนโลยียานยนต์ฉัจฉริยะอย่างลงตัว พร้อมดีไซน์กระจังหน้าอันโดดเด่นไม่ซ้ำใคร และยังมีการจัดแสดง OMODA C5, OMODA C7, JAECOO 5, และ JAECOO 8 PHEV อีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ในประเทศไทยสามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ OMODA & JAECOO Facebook เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆอย่าง International User Summit ในปี 2568 

9
ติดตั้งท่อลมร้อนในโรงงาน ทำไมต้องดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

การติดตั้งและดูแลรักษาระบบท่อลมร้อนในโรงงานจำเป็นต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นด้วยเหตุผลหลายประการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าในระยะยาว ดังนี้ครับ:

1. ความปลอดภัย:

ความเสี่ยงจากอุณหภูมิสูง: ลมร้อนในโรงงานมักมีอุณหภูมิสูง หากติดตั้งหรือดูแลรักษาไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดอันตรายจากการถูกลวก บาดเจ็บ หรือเกิดเพลิงไหม้หากสัมผัสกับวัสดุไวไฟ
ความเสี่ยงจากแรงดัน: ระบบท่อลมร้อนอาจมีแรงดัน การติดตั้งที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดการรั่วไหล หรือท่อระเบิด ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ความเสี่ยงจากสารเคมี: ในบางโรงงาน ลมร้อนอาจมีสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นอันตราย การจัดการระบบที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้สารเหล่านี้รั่วไหลและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ความเสี่ยงทางไฟฟ้า: ระบบทำความร้อนที่ใช้ไฟฟ้าต้องมีการติดตั้งและดูแลรักษาตามมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตหรือไฟฟ้าลัดวงจร


2. ความซับซ้อนของระบบ:

การออกแบบที่ถูกต้อง: ระบบท่อลมร้อนในโรงงานมักมีขนาดใหญ่และซับซ้อน ต้องมีการคำนวณอัตราการไหลของลม, แรงดัน, การสูญเสียความร้อน, และการเลือกขนาดท่อที่เหมาะสม ซึ่งต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ
การติดตั้งที่แม่นยำ: การติดตั้งท่อและอุปกรณ์ต่างๆ (เช่น วาล์ว, แดมเปอร์, ตัวควบคุม) ต้องเป็นไปตามแบบและมาตรฐาน เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
การปรับสมดุลระบบ (Air Balancing): หลังการติดตั้ง ต้องมีการปรับสมดุลลมเพื่อให้ลมร้อนกระจายไปยังจุดต่างๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งต้องใช้เครื่องมือและทักษะเฉพาะทาง


3. ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน:

การเลือกวัสดุที่เหมาะสม: ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถเลือกวัสดุของท่อและฉนวนที่เหมาะสมกับอุณหภูมิและสภาพแวดล้อม เพื่อลดการสูญเสียความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
การลดความต้านทานลม: การออกแบบและการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดความต้านทานลมในระบบ ทำให้พัดลมทำงานน้อยลงและประหยัดพลังงาน
การบำรุงรักษาที่ถูกวิธี: ผู้เชี่ยวชาญจะทราบวิธีการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบอย่างถูกต้อง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน


4. การปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎหมาย:

มาตรฐานอุตสาหกรรม: การติดตั้งและดูแลรักษาระบบท่อลมร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อความปลอดภัยและถูกต้องตามข้อกำหนด
การรับรอง: ในบางกรณี อาจต้องมีการรับรองระบบโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด


5. ความคุ้มค่าในระยะยาว:

ลดความเสียหาย: การติดตั้งและดูแลรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายต่อระบบและทรัพย์สินอื่นๆ
ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม: การบำรุงรักษาเชิงป้องกันโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยตรวจพบและแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่และมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง
ยืดอายุการใช้งาน: การดูแลรักษาที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบท่อลมร้อน


สรุป:

การติดตั้งและดูแลรักษาระบบท่อลมร้อนในโรงงานเป็นงานที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยง การมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะสามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามมาตรฐาน และคุ้มค่าในระยะยาว การพยายามดำเนินการด้วยตนเองหรือโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจนำมาซึ่งอันตราย ความเสียหาย และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าในที่สุด

10
จัดฟันบางนา: อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง หลังจาก ฝังรากฟันเทียม

ในปัจจุบันคนไทยมีปัญหาสุขภาพช่องปากมากเพิ่มมากขึ้น ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน และทำความสะอาดฟันอย่างไม่ถูกวิธี จนทำให้เกิดการสูญเสียฟัน แล้วการสูญเสีย ก็จะทำให้เกิดปัญหาอีกมากมายตามมามากมาย และจะต้องมีวิธีการรักษาที่ยุ่งยากมาก เช่นการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม


ซึ่งเป็นการทดแทนฟันธรรมชาติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดีกว่าการใส่ฟันปลอม ที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้วในปัจจุบัน การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมาก หลายคนเลือกใช้การฝังรากฟันเทียม แทนการใส่ฟันปลอม เพราะการฝังรากฟันเทียม ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น และเป็นการใช้งานรากฟันที่เป็นธรรมชาติ เพราะรากฟันเทียมจะถูกฝังลงบนกระดูกขากรรไกร

ซึ่งจะทำให้มีความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า ทั้งการพูดคุยและการรับประทานอาหาร การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม ก็มีข้อจำกัดในการรับประทานอาหาร เนื่องจากการฝังรากฟันเทียมลงไปบนกระดูกขากรรไกร ในช่วงแรกจะต้องรับประทานอาหารที่อ่อน เพื่อรอให้รากฟันเทียมประสานกันดีเสียก่อน


หากรับประทานอาหารที่แข็ง อาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมา ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนถึงรากฟันได้ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบ และอาจจะทำให้รากฟันเทียมหลุดได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลการรักษาเกิดความล้มเหลว จึงมีความจำเป็นที่ต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก และต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงแล้ว บุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก็ถือเป็นข้อห้ามที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะบุหรี่และแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย รวมไปถึงสุขภาพช่องปาก และหลังจากการทำการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมแล้ว ทันตแพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับการรักษางดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

เพราะจะส่งผลต่อการรักษาอย่างมาก อย่างบุหรี่ก็จะทำให้เกิดอาการอักเสบของบาดแผล หรือร้ายแรงไปถึงขั้นเกิดการติดเชื้อได้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะส่งผลให้บาดแผลหายช้า และทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้ จึงถือเป็นเรื่องต้องห้ามขณะทำการรักษาฝังรากฟันเทียมนั่นเอง หากมีข้อสงสัยในเรื่องของการฝังรากฟันเทียม สามารถเข้าปรึกษาทันตแพทย์ที่ได้ ทางเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของรากฟันเทียม ที่พร้อมจะดูแลให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี

11
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: โรคเรื้อน (Leprosy)

โรคเรื้อน (ขี้ทูต กุฏฐัง ไทกอ หูหนาตาเล่อ โรคใหญ่ โรคพยาธิ เนื้อตาย โรคผิดเนื้อ ก็เรียก) เป็นโรคติดต่อเรื้อรังชนิดหนึ่ง โรคนี้พบได้ทุกภาคของประเทศแต่จะพบมากทางภาคอีสาน ปัจจุบันพบได้น้อยลง (ในปี 2547 พบความชุกของโรคนี้เพียง 0.23 ราย ต่อประชากร 10,000 คน)

โรคเรื้อน สามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นกับระดับความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ได้แก่

1. โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด (indeterminate leprosy) ซึ่งเป็นโรคเรื้อนในระยะเริ่มแรก อาการแสดงยังไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-3 เดือน บางรายอาจมีอาการคงที่อยู่นาน และบางรายอาจแปรเปลี่ยนเป็นโรคเรื้อนชนิดอื่น ๆ

2. โรคเรื้อนชนิดทูเบอร์คูลอยด์ (tuberculoid leprosy) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในบ้านเรา ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ขนาดปานกลาง แต่ไม่สามารถขจัดเชื้อได้หมด เชื้อโรคเรื้อนสามารถเจริญได้ช้า ๆ ทำให้ผิวหนังชาและมีการทำลายเส้นประสาทตั้งแต่ในระยะแรก โรคเรื้อนชนิดนี้จะตรวจไม่ค่อยพบเชื้อ และไม่ติดต่อไปยังผู้อื่น การอักเสบมักจะบรรเทาได้เอง ภายใน 1-3 ปี แต่อาจมีอาการพิกลพิการได้

3. โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง (borderline leprosy) ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้น้อยกว่าชนิดที่ 2 แต่มากกว่าชนิดที่ 4 อาจตรวจพบเชื้อได้บ้าง แต่ติดต่อไปยังผู้อื่นได้ มีอาการและความรุนแรงก้ำกึ่งระหว่างชนิดทูเบอร์คูลอยด์กับชนิดเลโพรมาตัส

4. โรคเรื้อนชนิดเลโพรมาตัส (lepromatous leprosy) ผู้ป่วยไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ หรือถ้ามีก็น้อยมาก เชื้อโรคเรื้อนสามารถแบ่งตัวเป็นล้าน ๆ ตัว แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และตรวจพบเชื้อได้ง่าย จัดเป็นชนิดร้ายแรงและติดต่อได้ง่ายที่สุด เส้นประสาทจะถูกทำลายในระยะท้ายของโรค

นอกจากนี้ยังมีชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ (borderline-tuberculoid) มีความรุนแรงอยู่ระหว่างชนิดที่ 2 และ 3 และชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส (borderline-lepromatous) มีความรุนแรงระหว่างชนิดที่ 3 และ 4

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อโรคเรื้อน ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่าไมโคแบคทีเรียมเลเพร (Mycobacterium leprae) เชื่อว่าติดต่อโดยการสัมผัสทางผิวหนังหรือสูดเข้าทางเดินหายใจ โรคนี้ติดต่อกันได้ยาก จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อนระยะติดต่อเป็นเวลานาน ๆ จึงจะรับเชื้อเข้าร่างกาย

ระยะฟักตัว เฉลี่ย 3-5 ปี (ต่ำสุด 6 เดือน และนานสุดเป็นเวลาหลายสิบปี)

ผู้ที่รับเชื้อโรคเรื้อน ไม่จำเป็นจะต้องกลายเป็นโรคเรื้อนทุกราย ทั้งนี้ขึ้นกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถ้าภูมิคุ้มกันเป็นปกติ มักจะหายได้เองหรือมีอาการอย่างอ่อน (ไม่ร้ายแรง) แต่ถ้าภูมิคุ้มกันผิดปกติ ก็อาจเป็นโรคชนิดร้ายแรงได้

อาการ

ระยะแรก (โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด) ผิวหนังจะเป็นวงขาวหรือสีจาง ขอบไม่ชัดเจน ผิวหนังในบริเวณนี้จะมีขนร่วงและเหงื่อออกน้อยกว่าปกติ แต่ยังไม่ค่อยรู้สึกชาและเส้นประสาทเป็นปกติ มักจะพบที่หลัง ก้น แขนและขา ระยะนี้อาจหายได้เอง หรืออาจมีอาการเปลี่ยนแปลงเป็นโรคเรื้อนชนิดอื่น

โรคเรื้อนชนิดทูเบอร์คูลอยด์ ส่วนมากจะมีผื่นเดียวเป็นวงขาว หรือสีจางขอบชัดเจน หรือเป็นวงขาว มีขอบแดงนูนเล็กน้อย หรือเป็นวงขาว ขอบนูนแดงหนาเป็นปื้น อาจมีสะเก็ดเล็กน้อยหรือไม่มีก็ได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-10 ซม. ตรงกลางผื่นจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อ และชา (หยิกหรือใช้เข็มแทงไม่เจ็บ หรือใช้สำลีแตะไม่มีความรู้สึก) พบบ่อยที่บริเวณหน้า ลำตัวและก้น โรคเรื้อนชนิดนี้จะตรวจไม่พบเชื้อ

บางครั้งอาจตรวจพบเส้นประสาทบวมโตที่ใต้ผิวหนังในบริเวณที่เป็นโรค หรืออาจคลำได้เส้น ประสาทอัลนา (ulnar nerve) ที่บริเวณด้านในของข้อศอก หรือเส้นประสาทที่ขาพับ (peroneal nerve) ตรงบริเวณใต้หัวเข่าด้านนอก หรือเส้นประสาทใหญ่ใต้หู (great auricular nerve) ตรงด้านข้างของคอ จะมีลักษณะเป็นเส้นแข็ง ๆ และอาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ส่วนมากจะตรวจพบเส้นประสาทบวมโตเพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเท่านั้น

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ อาการทางผิวหนังคล้ายกับชนิดทูเบอร์คูลอยด์ แต่จะมีจำนวนผื่นมากกว่า การตรวจเชื้อจากผิวหนังพบได้บ้าง แต่ไม่มากนัก

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง ผิวหนังขึ้นผื่นเป็นวงแหวนหรือวงรี ขอบนูนแดงหนาเป็นมัน ขอบในชัดเจนกว่าขอบนอก ตรงกลางผื่นจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อแบบเดียวกับชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และจะชาน้อยกว่าชนิดทูเบอร์คูลอยด์ การตรวจเชื้อจากผิวหนังพบได้บ้างแต่ไม่มากนัก

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส และชนิดเลโพรมาตัส จะมีลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่จำนวนและการกระจายของรอยโรค และจำนวนเชื้อที่ตรวจพบจากผิวหนังหรือเยื่อบุจมูก

ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง ขอบเขตไม่ชัดเจนแล้วต่อมาจะหนาเป็นเม็ด เป็นตุ่มหรือเป็นแผ่น ผิวมักแดงเป็นมันเลื่อม ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่ชา ผื่นตุ่มเหล่านี้จะขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย พบบ่อยตามใบหน้า ใบหู ข้อศอก ข้อเข่า ลำตัว และก้น ขนคิ้วส่วนนอก (ส่วนหางคิ้ว) มักจะร่วง และขาบวม

ในระยะท้ายของโรค ผิวหนังจะเห่อหนา มีลักษณะหูหนาตาเล่อ และมีเส้นประสาทบวมโตพร้อมกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย เส้นประสาทที่พบได้บ่อย ได้แก่ เส้นประสาทอัลนา และเส้นประสาทใหญ่ใต้หู ทำให้มีอาการชา นิ้วมือนิ้วเท้างอ เหยียดไม่ออก มือหงิก เท้าตก นิ้วกุด หรือตาบอด

เยื่อบุจมูกมักมีอาการอักเสบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ (มีอาการคันจมูก น้ำมูกมีเลือดปน) ต่อมาจะมีแผลเปื่อยที่ผนังกั้นจมูก จนทำให้จมูกแหว่ง นอกจากนี้ก็ยังมักจะมีการอักเสบของกระจกตา และเยื่อบุในช่องปากร่วมด้วย

โรคเรื้อนชนิดนี้ มักตรวจพบเชื้อจำนวนมาก แพร่กระจายโรคให้ผู้อื่นได้ง่าย มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจตายภายใน 10-20 ปี


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษา เส้นประสาทจะถูกทำลายทำให้มือเท้าชา กล้ามเนื้อมือเท้าอ่อนแรง กล้ามเนื้อฝ่ามือและหลังมือลีบ ข้อมือตก เดินเท้าตก

ถ้าเส้นประสาทที่หน้าเสีย จะทำให้หลับตาไม่ได้ ทำให้ตาอักเสบเป็นแผลกระจกตาและตาบอดได้

ผู้ป่วยมักมีแผลเปื่อยที่มือเท้า เนื่องจากมีอาการชา และอาจทำให้นิ้วมือนิ้วเท้ากุดหายไปได้

ในรายที่เป็นโรคเรื้อนชนิดเลโพรมาตัส อาจติดเชื้อวัณโรคได้ง่าย เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ

นอกจากนี้อาจมีการทำลายของกระดูก เป็นหมัน เนื่องจากอัณฑะฝ่อ หรือมีอาการทางไตร่วมด้วย


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และจะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยทำการขูดผิวหนัง ใส่บนแผ่นกระจกใส และย้อมด้วยสีแอซิดฟาสต์ (acid fast stain) เช่นเดียวกับการตรวจเชื้อวัณโรค ถ้าเป็นชนิดเลโพรมาตัสและชนิดก้ำกึ่ง มักจะพบเชื้อโรคเรื้อน แต่ถ้าเป็นชนิดทูเบอร์คูลอยด์ อาจตรวจไม่พบเชื้อ

นอกจากนี้ อาจทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังและเส้นประสาทที่บวมโตไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เรียกว่า การตรวจชิ้นเนื้อ (biospy)

หรืออาจทำการทดสอบทางผิวหนัง เรียกว่า การทดสอบเลโพรมิน (lepromin test) ซึ่งจะให้ผลบวกในผู้ป่วยชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และให้ผลลบในผู้ป่วยชนิดเลโพรมาตัส


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้ยารักษาโรคเรื้อน ซึ่งมีให้เลือกใช้ 3 ชนิดได้แก่ แดปโซน (dapsone) หรือดีดีเอส (diaminodiphenyl sulphone/DDS) ไรแฟมพิซิน (rifampicin) และโคลฟาซิมีน (clofazimine) โดยเลือกใช้ให้เหมาะกับชนิดและความรุนแรงของโรค ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

1. ประเภทที่ตรวจไม่พบเชื้อ หรือเชื้อน้อยมากจนตรวจไม่พบ ได้แก่ โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด ชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ ให้ยาแดปโซน วันละครั้งทุกวันร่วมกับไรแฟมพิซิน เดือนละครั้ง นาน 6 เดือน ถ้าครบ 6 เดือนแล้วตรวจพบว่ามีอาการกำเริบ ให้การรักษาต่ออีก 6 เดือน

หลังจากนั้นควรตรวจร่างกายและตรวจเชื้ออย่างน้อยปีละครั้ง เป็นเวลา 3 ปี

2. ประเภทเชื้อมาก ได้แก่ โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง ชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส และชนิดเลโพรมาตัส ให้ไรแฟมพิซิน ร่วมกับโคลฟาซิมีนเดือนละครั้ง และให้แดปโซนร่วมกับโคลฟาซิมีนวันละครั้งทุกวัน อย่างน้อย 2 ปี จนกว่าตรวจไม่พบเชื้อและอาการไม่กำเริบ

หลังจากนั้นควรตรวจร่างกายและตรวจเชื้ออย่างน้อยปีละครั้ง เป็นเวลา 5 ปี


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อนมานาน และพบว่าผิวหนังเป็นวงขาวหรือสีจาง หรือเป็นวงขาวขอบนูนแดงหนาเป็นปื้น ตรงกลางผื่นไม่มีขนไม่มีเหงื่อ และมีอาการชา ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเรื้อน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ถ้ามีอาการชาของมือเท้า ควรระวังอย่าถูกของร้อน (เช่น บุหรี่ เตาไฟ น้ำร้อน) หรือของมีคม ควรใช้ผ้าพันมือเวลาทำงาน และสวมรองเท้าเวลาออกนอกบ้าน
    ผู้ป่วยควรนอนแยกต่างหากจากผู้อื่น และอย่าใช้เสื้อผ้าและของใช้ร่วมกับผู้อื่น


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มือเท้าชา หรืออ่อนแรง
    มีไข้ ไอเรื้อรัง ไอออกเป็นเลือด น้ำหนักลด
    หลับตาไม่ได้ หรือปวดตา ตาแดง น้ำตาไหล
    เกิดแผลเปื่อยที่มือและเท้า
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีไข้ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว ตาเหลืองตัวเหลือง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. อย่าอยู่ใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยระยะติดต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีเด็กอยู่ในบ้านเดียว กับผู้ป่วย ควรแยกเด็กออกต่างหาก อย่าให้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย จนพ้นระยะติดโรค (ตรวจไม่พบเชื้อบนผิวหนังของผู้ป่วย)

2. อย่าใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และของใช้ร่วมกับผู้ป่วย

3. หมั่นตรวจดูอาการทางผิวหนังของสมาชิกทุกคนในครอบครัวของผู้ป่วย ถ้ามีอาการน่าสงสัย ควรรีบไปตรวจที่โรงพยาบาล


ข้อแนะนำ

1. โรคเรื้อนเป็นโรคที่มีทางรักษาให้หายขาดได้ และถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะสามารถป้องกันมิให้เกิดความพิการได้ ผู้ป่วยควรกินยาตามแพทย์สั่งเป็นประจำอย่าหยุดยาเองจนกว่าแพทย์จะบอกให้เลิก และถ้ามีบาดแผลเกิดขึ้นควรรีบหาหมอโดยเร็วอย่าปล่อยให้ลุกลามจนพิการ

2. ถึงแม้จะรักษาให้พ้นระยะติดต่อ (เชื้อในร่างกายหมดไป) แต่ความพิการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มักจะเป็นอย่างถาวร แพทย์อาจแก้ไขด้วยการทำศัลยกรรมตกแต่งหรือวิธีการทางการแพทย์บำบัดต่าง ๆ

3. โรคเรื้อนไม่ใช่โรคกรรมพันธุ์ที่ติดไปชั่วลูกชั่วหลาน แต่เป็นโรคติดเชื้อที่ติดต่อได้ยากถ้ามีพ่อหรือแม่เป็นโรคเรื้อน หากแยกลูกอย่าให้ใกล้ชิดด้วยจนกว่าจะพ้นระยะติดต่อ ลูกก็จะไม่เป็นโรคนี้

4. โรคเรื้อนไม่ได้ติดจากสุนัขขี้เรื้อน ไม่ได้เกิดจากการร่วมประเวณีกับผู้หญิงที่มีประจำเดือน ไม่ติดต่อทางอาหารและน้ำ หรือเกิดจากการกินของแสลง เช่น หูฉลาม เป็ด ห่าน เป็นต้น

12
บริหารจัดการอาคาร: กลิ่นเหม็นอับจากแอร์เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

ปัญหาแอร์ มีกลิ่นอับ ถือว่าเป็นปัญหากวนใจของหลายบ้านที่มักจะต้องทนกับกลิ่นอับที่น่ารำคาญใจบางบ้านที่มีแอร์ เวลาเปิดแอร์ก็มักจะมีกลิ่นแรงมากจนถึงขนาดเปิดแอร์ใช้งานไม่ได้เลยทีเดียวทำยังไงก็ไม่หายขาด ล้างแอร์ไปก็ดีขึ้น แต่ไม่กี่วันหรือกี่สัปดาห์ก็กลับมามีกลิ่นอับกลิ่นเปรี้ยวอีก นอกจากจะเป็นปัญหาที่น่ารำคาญใจแล้ว ยังอันตรายต่อสุขภาพของเราอีกด้วย

ซึ่งกลิ่นอับของแอร์ส่วนใหญ่ เกิดจากเชื้อราสะสมภายในเครื่องเป็นจำนวนมากเชื้อราเหล่านี้เกิดจากความชื้นตกค้าง แอร์ไม่สามารถระบายความชื้นออกได้หมด
ประกอบกับอุณหภูมิในประเทศมีอากาศร้อนเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีที่สุดเมื่อเชื้อราเกิดสะสมเป็นจำนวนมาก เชื้อราส่วนใหญ่จะกินเนื้อผิวพลาสติก การล้างแอร์ปกติด้วยน้ำไม่ได้ช่วยให้เชื้อราถูกกำจัดไปได้ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุของคำถามว่า ทำไมล้างแอร์ไปแล้วกลิ่นอับยังไม่หายไป หรือกลิ่นอับหายไปไม่นานก็กลับมาเหม็นอีก
ก่อนอื่นที่เราจะกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อันนี้ออกไปเราต้องรู้ถึงสาเหตุของการเกิดกลิ่นก่อนว่า เกิดจากอะไร

ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงประเด็นการเกิดกลิ่นอับในแอร์ว่าเกิดจากอะไรได้บ้างเพื่อที่เราจะได้ทำการแก้ไขเพื่อกำจัดกลิ่นออกไปได้อย่างถูกต้องและตรงจุด โดยไม่ต้องทนกับปัญหานี้

การที่แอร์มีความชื้นสะสมจะเป็นแหล่งของการเกิดเชื้อรา อาจเกิดได้หลายเหตุไม่ว่าจะเป็น ภายในห้องมีความชื้นสูงเกินไป เช่น อาจมีตู้ปลาเปิดฝาภาชนะใส่น้ำไว้ ปลูกต้นไม่ในห้อง ฯลฯ เกิดจากการที่ไม่เคยล้างแอร์เป็นเวลานานเกิดจากรางน้ำระบายน้ำได้ไม่ดี หรือมีเชื้อราจากท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำทิ้งยาวเกินไปท่อน้ำทิ้งไม่ทำมุมไหลที่ดีพอ ท่อน้ำทิ้งคดเคี้ยวเกินไป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอร์เป็นจุดที่เชื้อราเข้าไปสะสมได้ง่าย นอกจากเชื้อราจะเติบโตได้ดีในสภาวะอากาศร้อนชื้น อับ ทึบแสงและพื้นที่ที่เกิดจะต้องมีอาหารของเชื้อราด้วย จากปัจจัยเหล่านี้สามารถกล่าวได้เลยว่าแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ คือโรงบ่มเพาะเชื้อราอย่างดี

และยังเป็นจุดเสี่ยงที่สะสมเชื้อรามีตั้งแต่ท่อน้ำทิ้ง รางน้ำทิ้ง ฟองน้ำบุฉนวนทุกจุดแผ่นกรองแอร์ จุดอับหลังเครื่อง มุมอับอื่นๆ ดังนั้น สาเหตุหลัก ๆที่ทำให้แอร์มีกลิ่นเหม็นมักมาจากคราบสกปรกและการอุดตันทั้งจากฝุ่นละอองและน้ำขังต่าง ๆ และยิ่งไปกว่านั้นคราบสกปรกและสิ่งอุดตันพวกนี้ยังทำให้แอร์ไม่เย็นทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนัก ส่งเสียงดัง และเสียได้ไวขึ้นด้วย

ดังนั้น หากแอร์มีกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์ก็ต้องรีบแก้ไขทันที เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้แอร์พังและทำให้คนในบ้านเสียสุขภาพได้ สำหรับวิธีการการแก้ปัญหาของกลิ่นเหม็นอับ
อย่างแรกต้องหาต้นต่อก่อนว่ากลิ่นอับนี้เกิดจากจุดไหนถ้าหากเกิดจากท่อน้ำทิ้ง ถาดน้ำทิ้ง เราต้องย้อนกลับไปดูปลายท่อน้ำทิ้งมีเมือกอุดตัน น้ำไหลได้ไม่สะดวกหรือไม่ ถึงทำให้กลิ่นย้อนกลับเข้าไปในแอร์ได้ถ้าหากเกิดจากแผ่นกรอง ฟิลเตอร์ เราสามารถนำไปล้างทำความสะอาดเปาให้แห้งได้ แต่ถ้าหากเกิดจากความชื้นในห้องสูง หากเกิดจากสาเหตุนี้
ให้เราเปิดแอร์ไปที่โหมดพัดลมแล้วเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศภายในห้องแต่หากเราไม่ทราบว่าต้นเหตุมากจากไหน หรือว่าเราไม่ได้ล้างแอร์มานานมากแล้วการล้างแอร์เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยเราได้ อาจจะใช้โฟมขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นที่สะสมในแอร์ก็จะเป็นวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างดีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ทางเรา อยากให้ทุกครอบครัวได้สร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ ด้วยการทำความสะอาดบ้านช่องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีๆ ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ทางเรามีบริการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ภายในอาคารต่างๆรวมไปถึงยังมีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ห้างสรรพสินค้าเพราะเราห่วงใยและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก

13
หมอออนไลน์: แผลพุพอง (Impetigo/Ecthyma)

แผลพุพอง เป็นการอักเสบของผิวหนังแบบหนึ่งซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักพบในทารกและเด็กวัยเรียนที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี ไม่ค่อยดูแลความสะอาดของตัวเอง หรือมีบาดแผลเล็กน้อยก็ปล่อยปละละเลย โรคนี้ติดต่อกันง่ายภายในบ้าน สถานเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสแตฟีโลค็อกคัสออเรียส หรือสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. แผลพุพองชนิดตื้น (impetigo) เป็นการติดเชื้อของหนังกำพร้าชั้นนอกสุด (stratum corneum) เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่ขาดการรักษาความสะอาด และไม่ใส่ใจดูแลบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและรวดเร็ว ติดต่อโดยการสัมผัสถูกผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่ก่อน หรือสัมผัสถูกเชื้อที่ปนเปื้อนตามสิ่งของเครื่องใช้ที่ผู้ป่วยสัมผัส เชื้อจะเข้าสู่ผิวหนังทางรอยถลอก

2. แผลพุพองชนิดลึก (ecthyma) เป็นการติดเชื้อลึกถึงชั้นหนังแท้ มักพบในเด็กวัยเรียนหรือผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักรักษาความสะอาด ผิวหนังสกปรก ไว้เล็บยาว ไม่ใส่ใจดูแลบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น รอยถลอกรอยขีดข่วน รอยแผลจากยุง แมลงกัด หรืออาจพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น หิด เหา อีสุกอีใส เริม งูสวัด ผื่นแพ้ ผื่นคัน เป็นต้น


อาการ

1. แผลพุพองชนิดตื้น แสดงอาการได้ 2 แบบ

แบบที่ 1 เกิดจากการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ แรกเริ่มเป็นผื่นแดงและคัน ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ มีฐานสีแดง ต่อมากลายเป็นตุ่มหนอง ซึ่งจะแตกง่าย กลายเป็นสีแดง และมีน้ำเหลืองเหนียว ๆ ติดเยิ้ม แล้วกลายเป็นสะเก็ดเหลืองกรังติดอยู่ มีลักษณะคล้ายรอยบุหรี่ เมื่อผื่นอันแรกแตก มักจะมีผื่นบริวารขึ้นตามในบริเวณข้างเคียงหลาย ๆ อัน และอาจลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเกา

บางรายอาจมีไข้ต่ำหรือต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย มักขึ้นตามใบหน้า ใบหู จมูก ปาก ศีรษะ ก้น และบริเวณนอกร่มผ้า (เช่น มือ ขา หัวเข่า) เมื่อหายแล้วจะไม่เป็นแผลเป็น

ถ้าเป็นพุพองที่ศีรษะ ชาวบ้านเรียกว่า ชันนะตุ

แบบที่ 2 เกิดจากการติดเชื้อสแตฟีโลค็อกคัสออเรียส ซึ่งพบได้น้อยกว่าแบบที่ 1 มีอาการพุขึ้นเป็นตุ่มน้ำพอง ฐานไม่แดง ระยะแรกน้ำภายในตุ่มพองมีลักษณะใส ต่อมาจะเริ่มขุ่น แล้วบางตุ่มจะแตก มีน้ำเหลืองแห้งกรังเป็นสีน้ำตาล ในทารกที่ยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ มักมีไข้ และตุ่มน้ำพองมีขนาดใหญ่

2. แผลพุพองชนิดลึก (อาจเกิดจากสแตฟีโลค็อกคัสออเรียส หรือสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอก็ได้) แรกเริ่มขึ้นเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนองเล็ก ๆ มีฐานสีแดง แล้วโตขึ้นช้า ๆ มีขนาด 1-3 ซม. ต่อมามีสะเก็ดหนาปกคลุม ลักษณะเป็นสะเก็ดแข็งสีคล้ำติดแน่น ข้างใต้เป็นน้ำหนอง ถ้าเป็นนาน ๆ ขอบแผลจะยกนูนออกเป็นสีคล้ำ เมื่อหายแล้วจะกลายเป็นแผลเป็น มักพบที่บริเวณขา


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่มักดูแลรักษาให้หายขาด และไม่มีภาวะแทรกซ้อน และส่วนใหญ่ไม่เป็นแผลเป็น ยกเว้นในรายที่เป็นแผลพุพองชนิดลึกที่มักเป็นแผลเป็นเมื่อหายแล้ว

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เชื้อลุกลามกลายเป็น เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ (cellulitis) และเชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เป็นโลหิตเป็นพิษได้ ถ้าพบในทารก อาจมีอันตรายร้ายแรงได้

ในรายที่เกิดจากเชื้อบีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ อาจทำให้เป็นหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้ (มีอาการไข้สูง บวมทั้งตัว ปัสสาวะสีแดง)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ในบางรายแพทย์อาจนำหนองจากรอยโรคไปตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. อาบน้ำฟอกด้วยสบู่วันละ 2 ครั้ง และใช้น้ำด่างทับทิมชะล้างเอาคราบสะเก็ดออกไป

สำหรับแผลพุพองที่มีสะเก็ดแข็ง ทำการประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ และชุ่ม ๆ เพื่อให้สะเก็ดนุ่มและหลุดออกเร็ว

2. ถ้าคันมากให้ยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน

3. ทาแผลด้วยขี้ผึ้งเตตราไซคลีน หรือครีมเจนตาไมซิน หรือเจนเชียนไวโอเลต หลังอาบน้ำทุกครั้ง

4. ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี, อีริโทรไมซิน, ไดคล็อกซาซิลลิน, โคอะม็อกซิคลาฟ เป็นต้น เป็นเวลา 5-7 วัน สำหรับเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส

สำหรับเชื้อสเตรปโตค็อกคัสจะให้กินยานาน 10 วัน เพื่อป้องกันโรคหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันใน

สำหรับแผลพุพองชนิดลึก (ที่มีสะเก็ดแข็งสีคล้ำติดแน่น) จะให้กินยานาน 2-3 สัปดาห์

5. ถ้าไม่ดีขึ้นหรือพบในทารก แพทย์จะนำหนองจากรอยโรคไปทำการย้อมเชื้อหรือเพาะเชื้อ และให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นแผลพุพอง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นแผลพุพอง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น โดยหยุดไปสถานเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียน และพักอยู่ที่บ้านจนกว่าจะไม่แพร่เชื้อ (คือ หลังกินยาปฏิชีวนะได้ 24 ชั่วโมงไปแล้ว), ชะล้างแผลให้สะอาดและใช้ผ้าปิดแผล, หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่, ตัดเล็บให้สั้น, ไม่ใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีไข้สูง หนาวสั่น ซึม เบื่ออาหาร เท้าบวม ปัสสาวะเป็นสีแดง หรือมีอาการชัก
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หมั่นรักษาความสะอาดของผิวหนัง
    หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่
    ตัดเล็บให้สั้น
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสถูกแผลพุพองที่ผู้ป่วยเป็น
    ไม่ใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ป่วย
    หากมีบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือโรคผิวหนัง (เช่น หิด เหา เริม งูสวัด อีสุกอีใส) ควรให้การดูแล อย่างจริงจัง

ข้อแนะนำ

แผลพุพองชนิดตื้นที่เกิดจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ ควรกินยาปฏิชีวนะให้ครบระยะเวลาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน

14
บ้านติดรถไฟฟ้า ลุมพินี ทาวน์เพลส ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว (Lumpini TownPlace Ladprao 101 - Pho Kaeo)
เริ่มต้น 5.98 ลบ.

ลุมพินี ทาวน์เพลส ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว (Lumpini TownPlace Ladprao 101 - Pho Kaeo)
ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ครบทุกฟังก์ชั่น โดดเด่นด้วยการจัดสรรที่จอดรถให้มากถึง 3 คัน รองรับครอบครัวที่กำลังขยับขยายได้พอดิบพอดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โลเคชั่นลาดพร้าว 101 ใกล้รถไฟฟ้าฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว 101

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ           ลุมพินี ทาวน์เพลส ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว (Lumpini TownPlace Ladprao 101 - Pho Kaeo)
 เจ้าของโครงการ      ลุมพินี-LPN ดีเวลลอปเมนท์
 แบรนด์ย่อย           บ้านลุมพินี ทาวน์เพลส
 ราคา                   เริ่มต้น 5.98 ลบ.

 ประเภทบ้าน          ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล        บ้านในเมือง
 พื้นที่โครงการ        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนบ้าน          95 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด      1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน             ตั้งแต่ 19.9 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย           ตั้งแต่ 209 ตร.ม.
 จำนวนชั้น             3.5 ชั้น
 หน้ากว้าง              5.5 ม.
 จำนวนห้องนอน      3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ      3 คัน
 สาธารณูปโภค        สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, ฟิตเนส, สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน            รามคำแหง, บางกะปิ, เสรีไท
 ที่ตั้ง           ลาดพร้าว101 ถนนโพธิ์แก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกระปิ กรุงเทพมหานคร

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(ลาดพร้าว 101)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
CDC Crystal Design Center ประดิษฐ์มนูธรรม
เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์
อิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว
บิ๊กซี ลาดพร้าว
โรงเรียนมัธยมวัดบึงทองหลาง
โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์
โรงเรียนเลิศหล้า
มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
โรงพยาบาลสิรินาถ บึงกุ่ม
โรงพยาบาลลาดพร้าว
โรงพยาบาลเวชธานี

15
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ



หน้า: [1] 2 3 ... 49
ลงประกาศฟรี ติด google ลงโฆษณา ขายของ ฟรี โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ขายฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google